วันเช็งเม้ง (清明节) คือ ช่วงฤดูที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ดอกไม้เริ่มผลิบาน เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย จึงเหมาะแก่การออกจากบ้านเพื่อไปกราบไหว้ และปัดกวาดสุสานของบรรพพชน โดย วันเช็งเม้ง จะอยู่ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนที่ 3 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งมักจะตรงกับวันที่4 หรือ 5 เมษายนของแต่ละปี
รู้หรือไม่?
ในสมัยโบราณ ก่อนผู้คนจะออกไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานในเทศกาลเช็งเม้ง (清明節) 1-2 วันคือ เทศกาลอาหารเย็น หรือเทศกาลหานสือ (寒食節) มีที่มาจากสมัยโบราณที่นิยมใช้ฟืนก่อไฟทำอาหาร ซึ่งมีประเพณีปฏิบัติเวลาเปลี่ยนฤดูก็มีจะการเปลี่ยนกองฟืนและจุดไฟซึ่งเรียกไฟที่จุดขึ้นว่าไฟใหม่ ดังนั้นช่วงหาฟืนและรอไฟใหม่จะไม่ใช้ไฟเด็ดขาด ชาวบ้านจึงทำอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน เช่น โจ๊กธัญพืชเย็น ปอเปี๊ยะห่อผัก เต้าหู้แห้ง ขนมหันจี้ว์(寒具) ทำจากแป้งกับงา ขนมแป้งข้าวเหนียวสอดไส้ด้วยถั่วแดงหรือถั่วดํา ฯลฯ ไว้ทานในช่วงที่ขาดไฟ ซึ่งต่อมาเทศกาลอาหารเย็นนี้ได้ถูกหลอมรวมเข้ากับเทศกาลเช็งเม้งที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
เช็งเม้ง เทศกาลลูกหลานกตัญญูและตำนานการเลี้ยงไหมของชาวจีน
ต้นกำเนิดเทศกาลเช็งเม้ง
เทศกาลเช็งเม้ง ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยของพระเจ้าฮั่นเกาจู ผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นของประเทศจีน หลักเสร็จการศึกพระเจ้าฮั่นเกาจูได้เดินทางกลับไปสักการะป้ายหลุมศพของผู้มีพระคุณที่สุสานยังเมืองบ้านเกิด แต่ด้วยผลพวงจากศึกสงคราม ทำให้ป้ายชื่อในสุสานถูกทำให้เสียหาย จนไม่อาจทราบได้ว่าป้ายไหนเป็นของใคร
พระเจ้าฮั่นเกาจูจึงอธิษฐานต่อเทวดาฟ้าดินด้วยแรงกตัญญูที่อยากเคารพบรรพชนผู้ล่วงลับ ขอให้หาหลุมศพของบิดามารดาเจอ จากนั้นจึงได้ทำการโปรยกระดาษขึ้นฟ้า หากกระดาษนั้นไปตกอยู่ที่ป้ายสุสานใดให้ถือว่าป้ายนั้นเป็นของบิดามารดาผู้ล่วงลับ จากนั้นเมื่อไปตรวจสอบดูกระดาษที่โปรยก็พบว่ากระดาษได้ร่วงลงมาตกอยู่บนป้ายหลุมศพของบิดามารดาจริงดังคำอธิษฐาน
ที่มาทำความสะอาดฮวงซุ้ย โปรยกลีบดอกไม้
จากประวัติของพระเจ้าฮั่นเกาจูนี้เอง ที่ทำให้เกิดเป็นประเพณีการไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศ กาลเช็งเม้งในปัจจุบัน โดยลูกหลานจะมีการทำความสะอาดป้ายฮวงซุ้ยหรือป้ายชื่อของบรรพบุรุษรวมถึงบริเวณของสุสานโดยรอบ ส่วนการโปรยกระดาษนั้นเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปก็มีการเปลี่ยนมาใช้การโปรยกลีบดอกไม้แทน เพื่อความสวยงาม และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
เทศกาลเช็งเม้ง กับ ตำนานเลี้ยงไหมของชาวจีน
นอกจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้ว เทศกาลเช็งเม้งยังเป็นที่มาของตำนานการกำเนิดการเลี้ยงไหมของชาวจีนด้วยเช่นกัน ตำนานนี้จะกล่าวถึง พระนางซีหลิงสี(Xi Ling Shi) พระมเหสีของจักรพรรดิชวนหยวน (Xaun Yaun) ที่ได้พบรังไหมโดยบังเอิญ ทำให้ต่อมามีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมภายในวังเพื่อทอเป็นเสื้อผ้าสวมใส่ ก่อนจะมีการเผยแพร่ออกไปสู่ราษฎรภายนอก จนเกิดเป็นที่มาของการเลี้ยงไหมในประเทศจีน
ทำให้ชาวจีนยกย่องให้พระนางเป็น “พระนางแห่งไหม” และในบางพื้นที่ ที่นิยมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อทอผ้าขายเป็นอาชีพได้มีการทำ “ขนมดักแด้” เพื่อเซ่นไหว้บวงสรวงพระนางซีหลิงสีไปพร้อมกันกับบรรพบุรุษในวันเช็งเม้ง
ไหว้บรรพบุษ ไม่ได้มีแค่ เช็งเม้ง
การไหว้บรรพบุรุษส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการไหว้ในช่วงเช็งเม้ง แต่น้อยนักที่จะรู้ว่าไม่จำเป็นต้องไหว้ในช่วงเช็งเม้งเสมอไป ซึ่งสำหรับชาวจีนแล้วจะมีอีก 2 ช่วงเวลาด้วยกันที่นิยมไปไหว้บรรพบุรุษ เพื่อเลี่ยงรถติดและความวุ่นวายในช่วงเช็งเม้ง ได้แก่
1.วันชุงฮุง
ถือเป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเช็งเม้ง แสงดี อากาศอบอุ่น สรรพสิ่งเริ่มกลับมาชีวิตชีวา เมื่อสมัยก่อนวันชุงฮุง จะเป็นหนึ่งในวันไหว้บรรพบุรุษที่บ้าน แต่ในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงนิยมไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน เหมือนกันกับในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง เพื่อหลีกเลี่ยงความชุลมุนวุ่นวาย การจราจรที่ติดขัด และ ยังสะดวกแก่การรวมตัวกันของญาติ
2.เทศกาลตงจื่อ (冬至) หรือ ไหว้บรรพบุรุษฤดูหนาว
เป็นช่วงเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว หากอยู่ที่ประเทศจีนอากาศก็จะมีความหนาวเย็น แต่สำหรับประเทศไทยจะอยู่ในช่วงที่อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การหนีลมร้อนไปไหว้บรรพบุรุษกันที่สุสาน แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการทำพิธีบอกกล่าวกับบรรพบุรุษในช่วงเทศกาลเช็งเม้งก่อน เพราะตามความเชื่อของชาวจีน ในวันเช็งเม้งจะเป็นวันที่วิญญาณถูกปลุกให้ตื่นเพื่อมาพบกับลูกหลาน ก่อนจะกลับไปจำศีลในช่วงฤดูหนาวต่อ
การละเล่นในช่วงเช็งเม้ง “การเล่นว่าว หรือ วิ่งว่าวโต้ลม“
เป็นการละเล่นโบราณที่คนไทยเองก็รู้จักเป็นอย่างดี เพียงแต่เทศกาลเช็งเม้งสำหรับที่ประเทศไทยนั้นจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศมีความร้อนอบอ้าว ไม่เหมาะแก่การออกไปวิ่งเล่น ทว่าสำหรับประเทศจีนแล้ว เทศกาลเช็งเม้ง จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งมีอากาศอบอุ่น ไม่ร้อนจนเกินไป เหมาะกับการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน อย่างการทานข้าว หรือ การละเล่นในสมัยโบราณอย่าง “การเล่นว่าว” หรือ “วิ่งว่าวโต้ลม” โดยชาวจีนจะพาลูกหลานกันไปรวมตัวกันที่นอกบ้าน ตามสุสานหรือพื้นที่สาธารณะ แล้วซื้อว่าวให้เด็ก ๆ นำมาวิ่งเล่นรับลมด้วยกัน จากนั้นก็จะมีการผูกว่าวเอาไว้ แล้วจึงค่อยตัดด้ายที่ผูกกับว่าวออก ให้ว่าวนั้นลอยขึ้นไปบนฟ้า เพราะมีความเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มความโชคดีและปล่อยโชคร้ายให้ลอยไปกับสายลม
จัดไหว้ พร้อมวิธีไหว้รับเฮง วันเช็งเม้งกับน่ำเอี๊ยง
ของไหว้เจ้าที่
ก่อนที่จะทำการเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษที่สุสาน จำเป็นที่จะต้องไหว้เจ้าที่ก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นการขอเบิกทางให้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ และแสดงความขอบคุณที่ท่านคอยดูแลรักษาคุ้มครองลูกหลาน โดยของที่จะใช้ในการไหว้เจ้าที่ มีทั้งหมด ดังนี้
- ธูป 5 ดอก
- เทียนแดง 1 คู่
- ชา หรือ เหล้า 5 ถ้วย
- ขนมหวาน หรือ ผลไม้
- กระดาษเงิน กระดาษทอง
ของไหว้บรรพบุรุษ
ส่วนของเซ่นไหว้บรรพบุรุษนั้น จะแยกเป็นอาหารคาว-หวาน และผลไม้มงคล แต่ทั้งนี้บางบ้านก็อาจจะใช้ของไหว้ที่ไม่เหมือนกัน โดยอาจจะเลือกเป็นอาหารที่บรรพบุรุษหรือลูกหลานชอบก็ได้ ซึ่งของที่ใช้ในการไหว้บรรพบุรุษก็จะมีหลัก ๆ ดังนี้
ประเภทอาหารคาว
- ข้าวสวย
- เหล้า
- น้ำชา
- อาหารคาว 3 อย่าง หรือ 5 อย่าง
- เนื้อสัตว์ 3 อย่าง (ซาแซ) 5 อย่าง (โหงวแซ) ได้แก่ เป็ด ไก่ หมู ปลา กุ้ง ปลาหมึกแห้ง เป็นตัน
- หอยแครง
ประเภทผลไม้มงคล
- ส้ม
- แอปเปิ้ล
- สาลี่
- องุ่น
- กล้วยหอม
- สัปปะรด
- แก้วมังกร
- ทับทิม
ประเภทอาหารหวาน
ขนมมงคลต่าง ๆ เช่น ขนมอี๋ ขนมจันอับ ขนมถ้วยฟู เป็นต้น
สิ่งควรทำก่อนวันเช็งเม้ง ซ่อมแซมป้ายสุสาน ให้กราบไหว้บรรพบุรุษราบรื่น
ซ่อมแซมป้ายสุสาน ก่อนวันลูกหลานกตัญญู
ปรับปรุงซ่อมแซมป้ายสุสานให้บรรพบุรุษ ก่อนวันเช็งเม้ง
ในปีนี้ใครที่คิดจะซ่อมแซมป้ายสุสาน ปรับภูมิทัศของฮวงซุ้ยบรรพบุรุษให้เรียบร้อย ควรหาวันมงคลวางฤกษ์ดีจากผู้เชียวชาญเสียก่อนที่วันไหว้เช็งเม้งจะมาถึง เพราะการซ่อมแซมสุสานในช่วงไหว้เช็งเม้งนั้นมักไม่นิยมทำกัน เพราะนอกจากจะต้องอยู่ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวแล้วตามความเชื่อ ยังถือว่าเป็นการรบกวนบรรพบุรุษที่สุสาน หาฤกษ์ปรับปรุงป้ายสุสาน สร้างความเป็นมงคลแก่ลูกหลาน
การปรับปรุงซ่อมแซมป้ายสุสานจึงไม่ต่างอะไรกับการขึ้นบ้านใหม่ มีวันดีแล้วควรได้รับคำแนะนำที่ดีจากผู้ที่มีความรู้ด้านพิธีการตั้งวางป้ายสุสานด้วยเช่นกัน น่ำเอี๊ยงเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตั้งวาง ซ่อมแซมป้ายสุสาน รวมถึงฮวงซุ้ยบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน สามารถวางใจได้ว่านอกจากฤกษ์ที่ดีที่สุด ที่จะได้รับแล้วยังมีคำแนะนำดี ๆ เสริมความเป็นมงคลให้แก่ตัวลูกหลานเอาไว้ด้วยเช่นกัน