“สถานีต่อไปสวรรค์ ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังนรกได้ อยู่ที่การกระทำของผู้โดยสารเอง”
“Next station heaven, interchange with hell, depending upon what you are doing”
ถึงแม้ว่าประโยคพร้อมแปลภาษาอังกฤษข้างต้นจะเป็นการล้อเลียนเสียงประกาศบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่ก็ตั้งอยู่บนความเป็นจริงที่ว่ามนุษย์จะขึ้นสวรรค์หรือชดใช้กรรมอยู่ในนรก ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเอง ซึ่งนรกในแต่ละวัฒนธรรมก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน และผู้โดยสารก็สามารถเลือกได้ผ่านการนับถือศาสนาต่าง ๆ อย่างไรก็ดี บทความนี้นอกจากจะพาผู้อ่านทำความรู้จักนรกในวัฒนธรรมที่ต่างกันแล้ว จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการชี้ให้เห็นว่าไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ก็ล้วนแต่สอนให้มนุษย์รู้จักการเกรงกลัวต่อการทำความชั่วโดยหยิบยกมโนทัศน์เรื่องนรกมาเป็นเครื่องมือการสอนให้มนุษย์รู้จักทำความดี เพราะท้ายที่สุดแล้วมนุษย์โดยสัญชาติญาณแล้ว ความหวาดกลัวเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากที่สามารถทำให้มนุษย์คล้อยตามทำนองคลองธรรมได้ดียิ่งกว่าการบอกคุณประโยชน์ของสิ่งใด ๆ
10 ขุมนรกและยมบาลทั้ง 10 ของจีน
ชาวจีนมีความเชื่อว่า เขาไท่ซาน (泰山) เป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่างนรกและสวรรค์ อย่างไรก็ตามเดิมทีในวัฒนธรรมจีนโบราณนั้นยังไม่มีมโนทัศน์เรื่อง “นรก” มีเพียงแนวคิดเรื่องโลกหลังความตาย (幽冥) เท่านั้น แต่เมื่อพระพุทธศาสนาจากอินเดียเริ่มเข้าสู่ประเทศจีน จึงก่อให้เกิดแนวคิดเรื่องนรกขึ้นมาโดยมีพญายม (閻羅王) เป็นเจ้านรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป แนวคิดเรื่องนรกก็ได้หลอมรวมกับลัทธิเต๋า ขงจื่อและความเชื่อพื้นบ้านของจีน ทำให้จากที่มีพญายมเพียงองค์เดียว ก็ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 10 องค์และมีนรกเพิ่มขึ้นมาเป็น 10 ขุม ได้แก่
นรกขุมที่ 1: ฉินกวงหวัง (秦廣王) ทำหน้าที่ตรวจสอบบาปบุญคุณโทษ เพื่อตัดสินว่าควรไปเกิดหรือไม่ หรือควรชดใช้กรรมในนรกก่อน
นรกขุมที่ 2: ฉู่เจียงหวัง (楚江王) ทำหน้าที่หาหลักฐานมาลงโทษวิญญาณที่ไม่ยอมรับผิด
นรกขุมที่ 3: ซ่งตี้หวัง (宋帝王) ทำหน้าที่ลงโทษวิญญาณที่ประพฤติในทำนองคลองธรรม พูดจาให้ร้ายผู้อื่น
นรกขุมที่ 4: อู่กวนหวัง (五官王) ทำหน้าที่ลงโทษวิญญาณที่กระทำผิดเกี่ยวกับการใช้สารเสพติด
นรกขุมที่ 5: เหยียนหลัวหวัง (閻羅王) ทำหน้าที่ลงโทษวิญญาณที่อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
นรกขุมที่ 6: เปี้ยนเฉิงหวัง (卞城王) ทำหน้าที่ลงโทษวิญญาณที่ประพฤติผิดในกาม
นรกขุมที่ 7: ไท่ซานหวัง (泰山王) ทำหน้าที่ลงโทษวิญญาณที่มั่วสุมเสพอบายมุข
นรกขุมที่ 8: ตูซื่อหวัง (都市王) ทำหน้าที่ลงโทษผู้ที่ชอบเข่นฆ่าผู้คน
นรกขุมที่ 9: ผิงเติ่งหวัง (平等王) โดยทั่วไปจะไม่ลงโทษใครเพราะเห็นว่าได้รับการลงโทษมามากพอแล้ว
นรกขุมที่ 10: จ่วนหลุนหวัง (轉輪王) ทำหน้าที่ตัดสินว่าดวงวิญญาณจะต้องชดใช้กรรมต่อหรือว่าให้ไปเกิดใหม่
อ่านรายละเอียดนรกฉบับจีนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.numeiang.com/dragonyearaugust/
นรกทั้ง 8 ขุมของไทยตามฉบับไตรภูมิพระร่วง
นรกในความเชื่อของไทยนั้นมีความเกี่ยวโยงกับ “ไตรภูมิกถา” หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” วรรณกรรมปรัชญาศาสนาพุทธ เขียนขึ้นโดยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไทย) ในสมัยสุโขทัย โดยเล่าเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องภพภูมิของมนุษย์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ภพภูมิได้แก่ กามภูมิ 11 รูปภูมิ 16 และอรูปภูมิ 4 ซึ่งนรกภูมินั้นเป็นส่วนหนึ่งของกามภูมิ และสามารถแบ่งออกเป็น 8 ขุมหลัก ๆ ได้แก่
สัญชีวนรก: ผู้ที่ตกนรกขุมนี้จะถูกลงโทษจนตาย และมีลมพัดให้ฟื้นขึ้นมาชดใช้กรรมต่อไป
กาฬสุตตนรก: มีไว้ลงโทษผู้ที่ทำร้ายผู้มีพระคุณหรือทำลายชีวิตสัตว์โลก
สังฆาฏนรก: มีไว้ลงโทษผู้ที่ชอบทารุณกรรมสัตว์ ไร้ซึ่งความเมตตา
โรรุวนรก: มีไว้ลงโทษเหล่าคนโลภ ฉ้อโกง จะโดนลงโทษจนเจียนตายแต่ไม่ตาย
มหาโรรุวนรก: มีไว้ลงโทษคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต มีจิตพยาบาทในการทำความชั่ว
ตาปนรก: มีไว้ลงโทษผู้ที่จิตใจเต็มไปด้วยความโลภ โกรธ หลง และเห็นแก่ได้
มหาตาปนรก: มีไว้ลงโทษผู้ที่เข่าฆ่าสัตว์และคนเป็นจำนวนมาก ไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้อื่น
อเวจีนรก: มีไว้ลงโทษผู้ที่ทำกรรมหนักอันได้แก่ ฆ่าบุพการี ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต และยุยงคณะสงฆ์ให้แตกกัน
นรกฉบับตะวันตกของดันเต: The Divine Comedy
The Divine Comedy คือวรรณกรรมในยุคกลางซึ่งเกี่ยวกับการท่องภพภูมิต่าง ๆ โดยได้รับอิทธิพลจากศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิค ภพภูมิตามฉบับของดันเต อาลีกิเอรี (Dante Alighieri) แบ่งออกเป็นสามภพภูมิได้แก่ นรก (Inferno) ดินแดนชำระบาป (Purgatory) และสวรรค์ (Paradise) ซึ่งจากวรรณกรรมของดันเต้นั้น นรกจะนั้นมีลักษณะเป็นทรงกรวยและแบ่งออกเป็นชั้น ๆ ยิ่งลึกลงไปเท่าไร การลงโทษก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 9 ชั้นดังนี้
Circle 1 Limbo (ขอบนรก): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าเป็นคริสตศาสนิกชน ในชั้นนี้จะยังไม่มีการทรมานใด ๆ แต่ต่างก็สำนึกผิดในสิ่งที่ตนทำ
Circle 2 Lust (ราคะ): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่มีความลุ่มหลงในกามตัณหาเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์
Circle 3 Gluttony (ความตะกละ): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่มีนิสัยตะกละตะกลาม
Circle 4 Greed (โลภะ): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่ขณะมีชีวิตมีนิสัยตระหรี่ถี่เหนียว และผู้ที่ขณะมีชีวิตมีนิสัยสุรุ่ยสุร่าย
Circle 5 Wrath (โทสะ): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่มีนิสัยโมโหร้าย ไม่สามารถควบคุมโทสะของตัวเองได้
Circle 6 Heresy (การนอกรีต): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่เพิกเฉยต่อคำสอนของคริสตศาสนา ขัดต่อขบนธรรมเนียมสังคม
Circle 7 Violence (ความรุนแรง): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่คร่าชีวิตของผู้บริสุทธิ์และเอาทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นของตน ผู้กระทำอัติวิบาตกรรม และท้าทายพระเจ้า
Circle 8 Fraud (การหลอกหลวง): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่หลอกลวงหลากหลายประเภทเช่น คดโคง คอรัปชั่น ปลอมแปลงสิ่งของ โกหกหลอกลวง
Circle 9 Treachery (การทรยศ): เป็นขุมนรกสำหรับผู้ทรยศ ฉ้อราษฎร์บังหลวง อกตัญญู เป็นบาปที่ไม่สามารถให้อภัยได้
ถึงแม้ว่ามโนทัศน์เรื่องของนรกภูมิในแต่ละวัฒนธรรมจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน อย่างน้องที่สุดนรกภูมิเหล่านี้ก็ต้องการแสดงให้เห็นว่าการกระทำความชั่วนั้นจะต้องชดใช้กรรมที่ตนเองก่อเอาไว้ในนรก หรือหากสังเกตนรกในแต่ละวัฒนธรรมก็จะพบว่ามีการกระทำบางอย่างที่ไม่ว่าวัฒนธรรมไหนก็เห็นพ้องตรงกันว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี เช่น การอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และการเข่นฆ่าทำลายชีวิตของผู้อื่น
อ้างอิง :
https://zh.wikipedia.org/zh-tw/%E5%9C%B0%E7%8D%84_(%E4%B8%AD%E8%8F%AF%E6%96%87%E5%8C%96)
https://www.blockdit.com/posts/64f0af10e321ebe2be62a37d
https://www.dek-d.com/writer/50491
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/judprakai/1027068
https://www.blockdit.com/posts/61fc026ae6ed354478f75eaf
https://www.blockdit.com/posts/61fd5b5027fddc6dfcfdb08b